ข้อบังคับของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต
สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตนี้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติของสมาคมการค้าพุทธศักราช 2509 และอยู่ในความควบคุมดูแลของ สำนักงานทะเบียนสมาคมการค้าประจำจังหวัดภูเก็ต
ข้อ 1 |
ชื่อสมาคม ชื่อสมาคมนี้มีชื่อว่า “สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต” เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “ภูเก็ต ทัวริสท์ แอสโซซิเอชั่น” และเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “PHUKET TOURIST ASSOCIATION” โดยใช้ชื่อย่อภาษาไทยว่า “ส.ท.ภ.” และชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า “P.T.A.” คำว่า “สมาคม” ที่จะกล่าว ต่อไปให้หมายถึง “สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต” |
|
ข้อ 2 |
สำนักงานของสมาคม |
สำนักงานถาวรของสมาคมนี้ ตั้งอยู่เลขที่ 100/429 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บายพาส) ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ (076) 610-365-6 โทรสาร (076) 610-367 |
ข้อ 3 |
ตราของสมาคม |
ตราของสมาคมนี้มีเครื่องหมายเป็นรูปวงกลมซ้อนกัน 2 วง ระหว่างวงกลมทั้งสองมีอักษรภาษาไทยว่า “สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต” อยู่ส่วนบนและมีอักษรภาษาอังกฤษว่า “PHUKET TOURIST ASSOCIATION” อยู่ส่วนล่าง ภายในวงกลมมีรูปคล้ายเกาะภูเก็ตเป็นสีทึบ และมีรูปคล้ายนกสีขาวกำลังบินซ้อนทับอยู่บนรูปเกาะ |
ข้อ 4 |
วัตถุประสงค์ของสมาคม สมาคมนี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (1) ส่งเสริมการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง ได้แก่ ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจนำเที่ยวและธุรกิจสินค้าของที่ระลึก และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับการสันทนาการ ในเขตจังหวัดภูเก็ต (2) สนับสนุนการประกอบธุรกิจอื่นๆ ที่มีส่วนส่งเสริมกับธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมสัมมนา หรือ ธุรกิจการกีฬาต่างๆ (3) สนับสนุน ช่วยเหลือ แก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้อง เจรจาทำความตกลงระหว่างสมาชิกหรือสมาชิกกับบุคคลภายนอก สอดส่องติดตามความเคลื่อนไหวการค้า ตามวัตถุประสงค์ทั้งภายในและต่างประเทศ (4) แลกเปลี่ยน วิจัย เผยแพร่ความรู้ ข่าวสาร ความคิดเห็น เอกสาร สถิติ (5) ปรับปรุง ส่งเสริมคุณภาพสินค้า การบริการให้ได้มาตรฐานความนิยมและเพียงพอของตลาด การฝึกอบรม (6) ร่วมมือกับเจ้าพนักงาน องค์การของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ธุรกิจ หรือสมาคมอื่นๆ บรรดาที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ (7) วางระเบียบภายในขอบเขตของวัตถุประสงค์ให้สมาชิกปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติ (8) พัฒนา แสวงหา แหล่งท่องเที่ยว โฆษณา ชักจูงให้นักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกประเทศมาเที่ยว (9) อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จารีตประเพณีท้องถิ่น รักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสวยงาม ตลอดถึงการปรับปรุงส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น (10) ให้ความสะดวก ช่วยเหลือในด้านการรักษาความปลอดภัย ความเป็นธรรมแก่นักท่องเที่ยว (11) รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน สิ่งของและหลักทรัพย์ต่างๆ (12) ให้เงิน ทรัพย์สินแก่สมาชิกหรือบุคคลภายนอกตอบแทนผลงานที่ผู้นั้นทำให้แก่สมาคมหรือเพื่อ สาธารณะกุศลที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (13) ไม่ทำการค้าและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองด้วยวิธีใดๆ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม |
ข้อ 5 |
คุณสมบัติของสมาชิก สมาชิกของสมาคมต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1)มีภูมิลำเนาหรือธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต (2)ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยตรง ตามหมวดที่ 2 ข้อ 4 (1) ของข้อบังคับนี้ โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้รับใบอนุญาตประกอบการ เช่น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม (3)แสดงความจำนงขอเข้าเป็นสมาชิก โดยรับรองว่ายอมปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ มติที่ประชุมคณะกรรมการของสมาคม (4)คณะกรรมการมีมติเห็นชอบรับเข้าเป็นสมาชิกเป็นเอกฉันท์ |
ข้อ 6 |
ประเภทของสมาชิก สมาชิกของสมาคม แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ (1) สมาชิกสามัญ ได้แก่ นิติบุคคล ที่มีคุณสมบัติตามข้อ 4 (1) ทั้งนี้ให้นิติบุคคลนั้นๆ ตั้งตัวแทน จำนวน 1 คน มาร่วมดำเนินกิจกรรมกับสมาคม (2) สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ บุคคลธรรมดา ห้างร้าน หน่วยงานหรือนิติบุคคล ที่ไม่มีคุณสมบัติ ที่ระบุไว้ ในหมวดที่ 3 ข้อ 5 (2) มีความสนใจยื่นความจำนงสมัครเป็นสมาชิก โดยรับรองยอมปฏิบัติตาม ระเบียบข้อบังคับ และคณะกรรมการบริหารมีมติเห็นชอบรับเข้าเป็นสมาชิก (3) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ มีประสบการณ์ มีความสนใจในการท่องเที่ยว หรือผู้ มีอุปการะต่อสมาคม หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งคณะกรรมการลง มติเป็นเอกฉันท์ ให้เชิญเข้าเป็นสมาชิก และบุคคลนั้นตอบรับคำเชิญเป็นลายลักษณ์อักษร |
ข้อ 7 |
การสมัครเข้าเป็นสมาชิก (1)ให้ผู้ประสงค์ยื่นใบสมัครตามแบบที่สมาคมกำหนด ต่อเลขานุการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรอง 2 คน (2)ให้เลขานุการทำแจ้งความการสมัครปิดไว้ในกระดานป้าย ณ สำนักงานสมาคมเป็นเวลา 15 วัน (3)สมาชิกผู้ใดเห็นว่าไม่ควรรับผู้สมัครเป็นสมาชิก ให้ทำคำคัดค้านยื่นต่อเลขานุการ ภายในกำหนดตามข้อ 7 (2) (4)เมื่อครบกำหนด 15 วัน ให้เลขานุการนำใบสมัครและคำคัดค้าน (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะ กรรมการ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาประการใด โดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของจำนวน กรรมการที่เข้าประชุม ให้เลขานุการแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้สมัครทราบภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการพิจารณา |
ข้อ 8 |
วันเริ่มสมาชิกภาพ (1)เมื่อผู้สมัครได้ชำระค่าธรรมเนียมการสมัคร และค่าบำรุงสมาคมประจำปีแรกแล้ว จึงถือว่าผู้สมัครนั้นได้เป็นสมาชิกของสมาคมโดยสมบูรณ์ (2)สมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้ถือว่าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ในเมื่อคณะกรรมการลงมติเชิญและได้ตอบรับการเชิญแล้ว โดยไม่ต้องยื่นใบสมัคร (3)บรรดาผู้ก่อการตั้งสมาคม ให้ถือว่าเป็นสมาชิกของสมาคมโดยไม่ต้องยื่นใบสมัคร แต่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการสมัครและค่าบำรุงประจำปี จึงจะถือว่าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ |
ข้อ 9 |
ทะเบียนสมาชิก ให้นายทะเบียนจัดทำทะเบียนสมาชิกไว้ โดยมีรายการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พุทธศักราช 2509 |
ข้อ 10 |
การขาดจากสมาชิกภาพ (1)ตาย หรือสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล 2)ลาออกโดยยื่นหนังสือลาออกต่อคณะกรรมการของสมาคม และได้ชำระหนี้ที่ค้างชำระต่อสมาคมเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้ามีปัญหาให้เหรัญญิกแจ้งให้คณะกรรมการทราบ (3)ขาดคุณสมบัติตามข้อ 5 (1) , 5 (2) , 5 (3) , หรือ 5 (4) 1 ปี จึงขาดจากสมาชิกภาพ (4)เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยให้ออก โดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการที่มาประชุม ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ คือ
(5)ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย (6)ให้นายทะเบียนแจ้งสมาชิกที่ถูกจำหน่ายชื่อออกจากสมาชิกภาพทราบ |
ข้อ 11 |
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสามัญ (1)มีสิทธิเข้าร่วมการประชุมใหญ่ แสดงความคิดเห็นออกเสียงเลือกตั้งกรรมการบริหาร ออกเสียงลงมติตามระเบียบวาระการประชุมใหญ่ (2)มีสิทธิได้รับการพิจารณารับเลือกตั้งหรือรับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหาร (3)มีสิทธิเสนอญัตติต่อที่ประชุมสมาชิก หรือต่อคณะกรรมการบริหาร ให้พิจารณาปรับปรุง หรือแก้ไขแนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสมาคม โดยมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 2 คน ในกรณีเสนอต่อคณะกรรมการต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร (4)มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่าจำนวนครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด เพื่อพิจารณาเรื่องที่ต้องได้รับการปฏิบัติเป็นการด่วน ขอให้เรียกประชุมใหญ่ยื่นต่อเลขานุการ ซึ่งคณะกรรมการต้องพิจารณาเรียกประชุมใหญ่ตามคำเรียกร้องภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำเรียกร้อง (5)มีสิทธิใช้สถานที่ของสมาคม ยกเว้นสถานที่ที่มีระเบียบกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น (6)มีสิทธิขอตรวจทะเบียน เอกสาร บัญชี ทรัพย์สินของสมาคมได้ในเวลาทำงานตามปกติ โดยยื่นต่อเลขานุการ (7)พึงได้รับประโยชน์ตามฐานะ และสภาพของสมาชิก (8)มีสิทธิติดต่อ ปรึกษาหารือเกี่ยวกับกิจการงานของสมาคมกับกรรมการ แต่ละบุคคลหรือทั้งคณะตามโอกาส (9)มีสิทธิกรณีเห็นว่า การดำเนินงานของคณะกรรมการมีแต่จะทำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม อาจออกเสียงลงมติในที่ประชุมใหญ่ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกที่มาประชุม ให้กรรมการออกจากตำแหน่งได้ทั้งคณะหรือเป็นรายบุคคล ก่อนครบกำหนดออกตามวาระได้ (10)มีสิทธิควบคุมการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตามข้อ 11 (1) (11)สมาชิกที่เสียค่าบำรุงสมาคมตามข้อ 13 (2) เท่านั้น มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในที่ ประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือในการประชุมอื่นๆ ที่สมาคมจัดให้มีขึ้น (12)สมาชิกที่เสียค่าบำรุงสมาคมตามข้อ 13 (2) เท่านั้น มีสิทธิเข้ารับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งเป็น กรรมการ (13)มีสิทธิประดับเครื่องหมายหรือติดตราสมาคมไว้หน้าที่ทำการ หรือหัวกระดาษจดหมายของ สมาชิก (14)มีหน้าที่เคารพและปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบของสมาคม มติที่ประชุมใหญ่ มติที่ประชุม คณะกรรมการโดยเคร่งครัด 15)มีหน้าที่รักษาเกียรติและผลประโยชน์ ส่วนได้ส่วนเสียของสมาคม (16)มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนกิจการของสมาคมให้เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าอยู่เสมอ (17)มีหน้าที่ชำระเงินค่าบำรุงให้แก่สมาคม ตามกำหนดเวลา (18)มีหน้าที่ให้เกียรติแก่สมาชิกด้วยกัน (19)หากสมาชิกเปลี่ยนชื่อ ย้ายที่ตั้งสำนักงาน เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ เปลี่ยนประเภทวิสาหกิจ เลิกประกอบวิสาหกิจ หรือเปลี่ยนผู้แทนนิติบุคคล จะต้องแจ้งให้เลขานุการสมาคมทราบเป็นหนังสือภายในกำหนดเวลา 7 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนแปลง |
ข้อ 12 |
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกวิสามัญ สมาชิกวิสามัญ มีสิทธิและหน้าที่ตามความในข้อ 11 ยกเว้น 11 (2) แต่มีสิทธิได้รับพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหาร |
ข้อ 13 |
ค่าธรรมเนียมการสมัครและค่าบำรุงประจำปี ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกต้องเสียค่าธรรมเนียมการสมัครและค่าบำรุงประจำปี ดังนี้ (1)ค่าธรรมเนียมการสมัครให้ชำระแก่เหรัญญิก ในวันลงทะเบียนเป็นสมาชิก คือ
(2)ค่าบำรุงประจำปี ให้ชำระแก่เหรัญญิกก่อนเดือนมีนาคมของปีนั้นๆ คือ
(3)สมาชิกเข้าใหม่ไม่ว่าจะเข้าในตอนใดของปี ต้องเสียค่าธรรมเนียมการสมัคร และค่าบำรุงประจำปีเต็มตามกำหนดไว้ หลังจากที่ได้รับหนังสือแจ้งตอบรับจากสมาคม (4)เงินค่าธรรมเนียมการสมัครและค่าบำรุงประจำปี ที่ชำระให้สมาคมแล้ว จะไม่คืนไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น (5)สมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการสมัคร และค่าบำรุงประจำปี |
ข้อ 14 |
การเข้าดำรงตำแหน่ง ของกรรมการบริหารตำแหน่งต่างๆ ให้ที่ประชุมใหญ่เป็นผู้เลือกตั้งกรรมการ จำนวน 11 คน แล้วให้กรรมการที่ได้รับเลือก จำนวน 11 คน พิจารณาสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งนายก สมาคม และให้นายกสมาคมเป็นผู้เลือกอุปนายกสมาคมจำนวนตามความเหมาะสม พร้อมทั้ง พิจารณาแต่งตั้งบุคคลที่เป็นสมาชิกของสมาคมเข้าเป็นกรรมการบริหารเพิ่มเติม ได้อีกไม่เกิน 8 คน |
ข้อ 15 |
คณะกรรมการของสมาคมอยู่ในตำแหน่งได้วาระละ 2 ปี เว้นแต่นายกสมาคมจะดำรงตำแหน่งได้ไม่ เกิน 2 วาระติดต่อกัน และให้คณะกรรมการชุดเดิมรักษาการในตำแหน่ง จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่ จะรับมอบงานเสร็จ จึงจะถือว่าพ้นความรับผิดชอบในหน้าที่ ทั้งนี้ให้รับมอบงานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน |
ข้อ 16 |
การเลือกตั้งกรรมการให้กระทำโดยวิธีให้สมาชิกเสนอชื่อสมาชิกสามัญ ซึ่งตนประสงค์จะให้เข้ารับ เลือกตั้งเป็นกรรมการต่อที่ประชุมใหญ่ โดยมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 3 ท่าน แล้วให้ที่ประชุมใหญ่ลง มติเลือกตั้ง ให้ผู้ได้รับคะแนนสูงตามลำดับดำรงตำแหน่งกรรมการและคะแนนที่ได้ต้องเท่าหรือไม่น้อย กว่า 3 คะแนน ถ้ามีผู้ได้คะแนนเท่ากันในลำดับสุดท้ายก็ให้ใช้วิธีจับฉลาก |
ข้อ 17 |
การพ้นจากตำแหน่งกรรมการ ในกรณีต่อไปนี้ (1)ตาย (2)ลาออก (3)ออกตามวาระที่ได้กำหนดไว้ (4)ขาดคุณสมบัติของสมาชิกหรือขาดจากสมาชิกภาพ (5)พ้นจากการเป็นผู้แทนของสมาชิกสามัญ (6)ขาดการประชุมคณะกรรมการสมาคม 3 ครั้งติดต่อกัน โดยไม่มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยตนเองหรือผู้แทน (7)ที่ประชุมใหญ่หรือคณะกรรมการมีมติให้ออก โดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้เข้าประชุม (8)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สั่งให้ออก ตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พุทธศักราช 2509 |
ข้อ 18 |
กรณีกรรมการออกจากตำแหน่ง โดยไม่ครบตามกำหนดวาระ ให้สมาชิกที่ได้รับคะแนนรองลงไปใน การเลือกตั้งกรรมการชุดที่อยู่ในตำแหน่งเข้าเป็นกรรมการแทนในตำแหน่งที่คณะกรรมการจะพิจารณา เห็นสมควร ให้ผู้ที่มาแทนอยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าอายุวาระของผู้ที่ตนแทน ถ้าตำแหน่งนายกสมาคม ว่างลงก่อนกำหนดออกตามวาระ ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ให้คณะกรรมการของสมาคม ทำการเลือกตั้ง นายกสมาคมคนใหม่ จากอุปนายกและให้ผู้ที่มาแทนอยู่ในตำแหน่งนายกเพียงเท่าอายุวาระของผู้ที่ ตนแทน |
ข้อ 19 |
อำนาจหน้าที่กรรมการของสมาคมในตำแหน่งต่างๆ มี (1)นายก มีหน้าที่ เป็นประธานของคณะกรรมการบริหาร และรับผิดชอบงานทุกอย่างตามวัตถุประสงค์ และระเบียบแบบแผนของสมาคม เป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก (2)อุปนายก มีหน้าที่ ช่วยเหลือนายกในกิจการทั้งปวงอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายกสมาคม ปฏิบัติงานแทนขณะนายกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ รับผิดชอบงานที่นายกมอบหมายให้เป็นเอกเทศ (3)เลขานุการ มีหน้าที่ โต้ตอบหนังสือ เก็บรักษาเอกสารต่างๆ ของสมาคม เป็นเลขานุการในที่ประชุมคณะกรรมการ และที่ประชุมใหญ่ ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ที่คณะกรรมการมอบหมาย (4)เหรัญญิก มีหน้าที่ เกี่ยวกับการเงิน การบัญชี หลักฐานการเงิน เก็บเงินจากสมาชิก รับเงินจากผู้บริจาค ดูแลรักษาพัสดุ รายงานฐานะการเงินต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารประจำเดือน และต่อที่ประชุมใหญ่ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (5)นายทะเบียนและบรรณารักษ์ มีหน้าที่ เกี่ยวกับทะเบียนประวัติหลักฐานของสมาชิก รักษาเอกสารหนังสือและปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (6)ปฏิคม มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับรองสมาชิก แขก จัดสถานที่ในสำนักงาน จัดที่ประชุม จัดให้มีปาฐกถา สัมมนา เผยแพร่ความรู้ และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (7)ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ สร้างภาพพจน์ที่ดี เผยแพร่ข่าวสารผลงานของสมาคม ชักชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยว และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (8)กรรมการกลาง มีหน้าที่ ช่วยเหลือและประสานงานทั่วไปตามที่คณะกรรมการมอบหมาย |
ข้อ 20 |
อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ มีดังนี้ (1)การบริหารงานของสมาคมตามวัตถุประสงค์ ระเบียบ แบบแผน ข้อบังคับ และมติที่ประชุมใหญ่ ตลอดจนมีอำนาจวางระเบียบ วิธีการดำเนินงานของสมาคม รวมทั้งการตั้งอนุกรรมการสาขา ต่างๆ เพื่อทำกิจการเฉพาะอย่างในขอบเขตหน้าที่ของสมาคม ภายใต้การควบคุมของคณะ กรรมการและกฎหมายไม่น้อยกว่าคณะละ 5 คน ซึ่งจะเป็นสมาชิก หรือจะเชิญบุคคลภายนอกที่มี ความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ในเรื่องที่จะมอบให้ทำ และเป็นผู้สมัครใจจะทำงาน มาร่วม ด้วยก็ได้ และอยู่ในตำแหน่งได้ เท่าที่มีความจำเป็นแก่การทำงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ไม่เกินอายุ วาระของคณะกรรมการชุดที่แต่งตั้ง (2)ประชุมปรึกษางานอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง (3)ทำรายงานผลการปฏิบัติงาน งบดุลรายรับรายจ่าย ตลอดถึงความคิดเห็นปรับปรุงในรอบปีเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ (4)เรียกประชุมใหญ่ประจำปีในเดือนกรกฎาคม (5)เข้าประชุม แสดงความคิดเห็น ชี้แจง ตอบคำถามเกี่ยวกับกิจการงานในหน้าที่ (6)กรณีที่ข้อบังคับไม่ได้บัญญัติไว้ ถ้าไม่ก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นการกระทำที่ผิดข้อบังคับของสมาคมและกฎหมาย ให้คณะกรรมการปรึกษากันทำงานนั้นๆ ไปก่อนได้ แล้วรีบเรียกประชุมใหญ่วิสามัญพิจารณาและให้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมใหญ่ แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการกระทำที่คณะกรรมการได้ปฏิบัติไปก่อนแล้ว (7)มีอำนาจว่าจ้าง แต่งตั้ง ถอดถอนและกำหนดอัตราค่าจ้างเจ้าหน้าที่ เพื่องานของสมาคมได้ ตามสมควร |
ข้อ 21 |
การประชุม หมายถึง การประชุมใหญ่ และการประชุมคณะกรรมการสมาคม |
ข้อ 22 |
การประชุมใหญ่ ให้หมายถึง การประชุมสมาชิกของสมาคม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ (ก) การประชุมใหญ่สามัญประจำปี คือ การประชุมใหญ่ที่จะต้องมีขึ้นภายในเดือนกรกฏาคม ของทุกๆ ปี (ข) การประชุมใหญ่วิสามัญ คือ การประชุมใหญ่ครั้งอื่นๆ บรรดามี นอกเหนือจากการประชุมใหญ่ สามัญประจำปีแล้ว ซึ่งคณะกรรมการอาจจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ตามที่เห็นสมควรหรือเมื่อ ได้รับคำร้องขอจากสมาชิกไม่น้อยกว่า 10 คน เมื่อได้รับคำร้องขอ ขอให้คณะกรรมการเรียกประชุม ใหญ่วิสามัญภายใน 15 วัน หลังจากที่ได้รับคำร้องขอ ถ้าหากคณะกรรมการไม่เรียกประชุมใหญ่ วิสามัญ สมาชิกที่ร้องขอไม่น้อยกว่า 1/3 ของสมาชิกทั้งหมด อาจจะเรียกประชุมเองได้ และให้มีการ ประชุมภายใน 15 วัน หลังจากวันที่ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว (1)ให้คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดวัน เวลา สถานที่ ระเบียบวาระการประชุมใหญ่ และมีหนังสือแจ้งให้สมาชิกทราบไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันประชุม (2)ต้องมีสมาชิกมาประชุมใหญ่ไม่น้อยกว่า 1/3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าสมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุม ก็ให้เรียกประชุมใหญ่เป็นครั้งที่ 2 หลังจากการประชุมใหญ่ครั้งแรก 7-15 วัน ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 นี้ สมาชิกมาประชุมมากน้อยเท่าใดนับเป็นองค์ประชุมได้ (3)การประชุมใหญ่เป็นการประชุมเปิดเผย แต่ถ้าสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 1/10 ของสมาชิกทั้งหมด หรือคณะกรรมการร้องขอ ก็ให้เป็นการประชุมลับ ซึ่งสมาชิกเท่านั้นที่จะเข้าร่วมประชุมได้ (4)ญัตติที่เสนอให้ที่ประชุมใหญ่ โดยสมาชิกรับรอง 2 คน ถ้าคณะกรรมการเป็นผู้เสนอ ไม่ต้องมีผู้รับรอง (5)ให้ถือเสียงข้างมากเป็นมติที่ประชุมใหญ่ โดยสมาชิกหนึ่งคน มีสิทธิลงคะแนนได้ 1 เสียง สมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่มีสิทธิลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด (6)ให้นายกเป็นประธานของที่ประชุม ถ้านายกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ให้ผู้อยู่ในตำแหน่งตามข้อ 19 ตามลำดับเลข เว้นแต่เลขานุการเป็นประธานแทน (7)กิจการอันพึงกระทำในที่ประชุมใหญ่ คือ รับรองรายงานการประชุมใหญ่ครั้งก่อน รายงานผลการปฏิบัติงานในรอบปี งบดุลรายรับจ่าย เลือกตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี กำหนดค่าตอบแทน ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีอยู่ในตำแหน่ง 2 ปี (ควรกำหนดระยะเวลา เช่นเดียวกับคณะกรรมการ) เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี) (8)กิจการอันพึงกระทำในที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ได้แก่ กิจการที่จะกระทำโดยอาศัยมติจากที่ประชุม แต่ไม่อาจหรือมีเหตุทำให้ไม่สามารถจัดทำได้ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี |
ข้อ 23 |
การประชุมคณะกรรมการสมาคม จะต้องปฏิบัติดังนี้ (1)ให้นายกหรืออุปนายก เป็นประธานของที่ประชุม ถ้านายกหรืออุปนายกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการตั้งแต่ลำดับเลขข้อ 19 (4) ลงไปเป็นประธานของที่ประชุมแทนตามลำดับ (2)ให้ถือเสียงข้างมากเป็นมติที่ประชุม กรรมการคนหนึ่งมี 1 คะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานของที่ประชุมชี้ชาด (3)มติของที่ประชุม หรือมติของที่ประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานทั่วๆ ไป ให้จัดทำเป็นหนังสือและมีรายชื่อกรรมการ โดยมีนายกเป็นผู้ลงนาม เพื่อได้ประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลา 15 วัน แล้วจึงใช้บังคับได้ (4)ในการประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จึงจะเป็นองค์ประชุม |
ข้อ 24 |
ในการประชุมคณะกรรมการ อนุกรรมการ ตลอดจนการประชุมใหญ่ ให้บันทึกรายงานการประชุมไว้ ทุกครั้ง และให้นำเสนอที่ประชุมเพื่อรับรองในการประชุมครั้งต่อไป |
ข้อ 25 |
ให้คณะกรรมการจัดให้มีบัญชีการเงินของสมาคม พร้อมด้วยใบสำคัญและหลักฐานให้ถูกต้องตาม หลักวิชาการบัญชี และให้ตรงต่อความเป็นจริงเสมอ และให้เหรัญญิกของสมาคมเป็นผู้เก็บรักษาไว้ |
ข้อ 26 |
ให้ถือวันที่ 1 เมษายน ถึง 31 มีนาคมของปี เป็นรอบปีการเงิน เมื่อสิ้นปีให้คณะกรรมการจัดทำงบดุล รายรับรายจ่ายของสมาคม ส่งให้ผู้ตรวจสอบบัญชีภายในวันที่ 15 พฤษภาคม ให้ผู้ตรวจบัญชีทำการ ตรวจและรับรองให้เสร็จภายในวันที่ 15 มิถุนายน และให้คณะกรรมการนำเสนอที่ประชุมใหญ่ภายใน เดือนกรกฎาคมของปีใหม่ |
ข้อ 27 |
การรับเงินต้องออกใบรับเงินและต้องมีต้นขั้วไว้ด้วย การจ่ายเงินต้องมีใบรับเงิน ถ้าเป็นการจ่ายราย ย่อยไม่เกินราย 100 บาท ผู้จ่ายเงินจะทำหนังสือรับรองการจ่ายเงินนั้นเองก็ได้ |
ข้อ 28 |
ให้เหรัญญิก รักษาเงินสดไว้เพื่อทดรองจ่ายไม่เกิน 1,000 บาท เงินที่เหลือให้นำฝากธนาคารพาณิชย์ ที่ ประชุมใหญ่เห็นชอบในนามของสมาคม |
ข้อ 29 |
ให้นายก อุปนายก หรือเหรัญญิก จำนวน 2 คน มีอำนาจจ่ายเงินครั้งหนึ่งไม่เกิน 10,000 บาท ถ้าเกิน ต้องได้รับอนุญาตจากที่ประชุมคณะกรรมการก่อนจึงจะจ่ายได้ |
ข้อ 30 |
คณะกรรมการมีอำนาจจ่ายเงินครั้งหนึ่งไม่เกิน 100,000 บาท ถ้าเกินกว่านี้ ต้องได้รับความเห็นชอบ จากที่ประชุมสมาชิก |
ข้อ 31 |
ความรับผิดชอบของสมาชิก จำกัดอยู่เพียงจำนวนเงินค่าบำรุงประจำปี หรือหนี้สินที่สมาชิกผู้นั้นยัง ค้างชำระอยู่ |
ข้อ 32 |
ข้อบังคับนี้อาจจะแก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมหรือตัดทอนได้ โดยมติที่ประชุมใหญ่ ซึ่งมีคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่า 2/3 ของสมาชิกที่มาประชุม |
ข้อ 33 |
คณะกรรมการจะต้องส่งคำบอกกล่าวให้สมาชิกทราบ โดยส่งให้กับตัวหรือทางไปรษณีย์ ตามตำบลที่ อยู่ที่ปรากฏในทะเบียนของสมาคม |
ข้อ 34 |
คำบอกกล่าวใดๆ ที่ได้ส่งทางไปรษณีย์ให้ถือว่าได้บอกกล่าวแล้ว ในวันถัดจากวันที่ได้ส่งซองจดหมาย หรือกระดาษห่อข้อความดังกล่าวไปทางไปรษณีย์ และในการพิสูจน์จากหลักฐานการส่งที่ทางรัฐบาล ออกให้ |
ข้อ 35 |
สมาชิกคนใดที่ละเลยไม่ได้ให้ที่อยู่ของตน เพื่อขึ้นทะเบียนไว้ จะไม่มีสิทธิได้รับคำบอกกล่าวจาก สมาคม |
ข้อ 36 |
คำบอกกล่าวที่ได้ติดประกาศไว้ที่สำนักงานของสมาคมเป็นเวลา 7 วันแล้ว ให้ถือว่าได้ส่งถึงสมาชิกที่ ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยแล้ว |
ข้อ 37 |
สมาคมอาจเลิกได้ด้วยเหตุต่อไปนี้ (1)ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2/3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด (2)ล้มละลาย (3)ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พุทธศักราช 2509 |
ข้อ 38 |
เมื่อสมาคมต้องเลิก ให้ผู้ตรวจบัญชีทำการชำระบัญชีตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พุทธศักราช 2509 มาตรา 39 ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลา 2 เดือน ให้คณะกรรมการคงต้องรับผิดชอบในกิจการงานของสมาคมต่อไป จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ หากมีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใด ให้ตกเป็นขององค์การกุศลสาธารณะแห่งหนึ่งหรือหลายแห่ง ซึ่งเป็นนิติ บุคคลในราชอาณาจักรไทย ตามมติของที่ประชุมใหญ่ ด้วยคะแนนเสียง 2/3 ของผู้เข้าประชุม |
ข้อ 39 |
(1) เมื่อข้อบังคับของสมาคม ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2530 ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่แล้ว ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ที่ประชุมใหญ่ให้การรับรอง (2) ให้สมาชิกเก่ามีสิทธิเปลี่ยนแปลงประเภทสมาชิก ตามข้อบังคับสมาคมฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2530 ข้อ 6 โดยยื่นความจำนงต่อนายทะเบียนภายในเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ข้อบังคับมีผลใช้ บังคับ (3) หากสมาชิกเก่าไม่แสดงความจำนงที่จะเปลี่ยนแปลงประเภทสมาชิก คณะกรรมการจะจัดประเภท สมาชิกใหม่ตามข้อบังคับ หมวดที่ 3 ข้อ 6 และจะต้องแจ้งให้สมาชิกนั้นทราบถึงการเปลี่ยนแปลง โดยให้สมาชิกมีสิทธิอุทธรณ์ภายในเวลา 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือแจ้ง (4)จำนวนและสถานภาพกรรมการรับเลือกตั้งในปัจจุบัน ให้คงไว้เหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป |